ถึงแม้เทคโนโลยี Cloud จะเข้ามามีบทบาทเป็นอย่างมากต่อธุรกิจองค์กร และทำให้งานหลายๆ อย่างนั้นถูกย้ายขึ้นไปอยู่บน Cloud แต่หลายองค์กรเองนั้นก็ยังจำเป็นจะต้องมีระบบประมวลผลที่มีความทนทานและมีประสิทธิภาพสูงเพื่อใช้งานภายในองค์กรเอง สำหรับรองรับระบบ Application ทางธุรกิจที่มีความสำคัญสูงมาก และการประมวลผลข้อมูลปริมาณมหาศาลที่ไม่อาจย้ายขึ้น Cloud ได้อย่างสะดวก HPE พร้อมตอบโจทย์นี้ได้ด้วย HPE Superdome Flex Server ที่รองรับการติดตั้ง CPU ได้สูงสุดถึง 32 Socket และ RAM อีก 384TB ในระบบเดียว

ในยุคของ Cloud ทำไมองค์กรยังต้องซื้อ Server เองอยู่?

นอกจากประเด็นข้างต้นแล้ว ในหลายๆ ครั้งการเช่าใช้บริการ Cloud อย่างต่อเนื่องนั้นก็อาจมีค่าใช้จ่ายที่สูสีหรือแพงกว่าเมื่อเทียบกับการลงทุนซื้อ Server มาใช้งานเองได้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อองค์กรต้องการใช้ Server ประสิทธิภาพในระดับที่สูงมาก ค่าใช้จ่ายในการเช่าใช้ Cloud ที่มีทรัพยากรเทียบเท่ากันนั้นเป็นเวลา 10-12 เดือน อาจมีราคาสูงเท่าการซื้อ Server สเป็คเดียวกันพร้อมประกัน 3 ปีมาใช้งานเลยทีเดียว และยังคงมี Hardware Server ไว้ใช้งานต่อหลังจากหมดระยะประกันได้อยู่ ทำให้ในกรณีที่ต้องการใช้งานทรัพยากรเป็นหลักและไม่ได้ต้องการบริการใดๆ จากผู้ให้บริการ Cloud มากนัก การจัดซื้อ Server มาใช้งานเองนั้นก็จะมีความคุ้มค่าที่เหนือกว่า

Server ทั่วไป ต่างจาก Mission Critical Server อย่างไร?

คำถามถัดมาคือ แล้ว Server ปกตินั้นแตกต่างจาก Mission Critical Server อย่างไรบ้าง? ในเมื่อเดิมทีหลายๆ องค์กรเองก็ใช้งาน Server ปกติที่เหล่าผู้ผลิตก็นำเสนอว่ามีความทนทานสูงมากอยู่แล้วในการติดตั้ง Software ที่มีความสำคัญต่อธุรกิจเพื่อให้มี Downtime ต่ำที่สุดกันอยู่แล้ว

จริงอยู่ว่า Server โดยทั่วไปนั้นจะมีความทนทานที่ค่อนข้างสูงอยู่เป็นทุนเดิมด้วยการออกแบบให้ Hardware ทั้งหมดสามารถทำงานได้อย่างต่อเนื่องแบบ 24×7 และสามารถทำ Redundant และ Hot-swappable ให้กับ Hardware หลายๆ ส่วนเพื่อให้ในกรณีที่ระบบเกิดความเสียหายในส่วนใดๆ ก็สามารถเปลี่ยนเฉพาะส่วนนั้นๆ โดยไม่ทำให้เกิด Downtime กับระบบได้ แต่สำหรับธุรกิจที่ต้องการความทนทานที่สูงยิ่งกว่านั้น เช่น ธนาคาร, ธุรกิจการเงิน, โรงงานและการผลิต หรืออื่นๆ นั้นก็ต้องมองหาโซลูชันที่มีความทนทานสูงยิ่งกว่า Server ทั่วๆ ไปมาใช้งาน

หากมองในแง่ของประสิทธิภาพแล้ว Server ทั่วๆ ไปนั้นก็อาจถือว่ามีประสิทธิภาพที่สูงมากอยู่แล้ว แต่ในมุมของผู้ผลิตนั้นการผลิต Server รุ่นหลักๆ ที่จะจำหน่ายเป็นจำนวนมากออกสู่ตลาดนั้น ก็ต้องเลือกผลิตในสเป็คที่เหมาะสมต่อการใช้งานทั่วไป ไม่ใช่สำหรับการใช้งานเฉพาะทางที่เน้นประสิทธิภาพถึงขีดสุด

ด้วยเหตุเหล่านี้ Mission Critical Server จึงเป็น Server ที่ถูกออกแบบมาให้มีความทนทานสูงยิ่งขึ้นไปกว่าเทคโนโลยีทั่วๆ ไป และมีประสิทธิภาพที่สูงกว่า Server ที่ใช้งานกันในปัจจุบัน เพื่อรองรับระบบ Mission Critical Application ที่มีความสำคัญสูงสุดและต้องมี Downtime เกิดขึ้นต่ำที่สุดให้ได้นั่นเอง

HPE Superdome Flex Server ระบบ Mission Critical Server เน้นพลังประมวลผล และความทนทานที่สูง

Credit: HPE

HPE Superdome Flex Server คือระบบ Mission Critical Server ที่ทาง HPE ออกแบบขึ้นมาเพื่อตอบโจทย์ด้านประสิทธิภาพและความทนทานในระดับสูงสุดของธุรกิจองค์กรโดยเฉพาะ ด้วยการนำแนวคิดการออกแบบระบบ Unix Server ในอดีตมาปรับให้รองรับกับสถาปัตยกรรม x86 Server ในปัจจุบัน และมีการพัฒนาส่วนเสริมต่างๆ เพื่อให้ x86 Server สามารถทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพและทนทานมากยิ่งขึ้นไปอีก

ตัว HPE Superdome Flex นี้จึงเป็น Mission Critical x86 Server ขนาด 5U ที่ใช้หน่วยประมวลผล Intel Xeon Scalable Platinum/Gold Processor รองรับการติดตั้ง CPU สูงสุดได้ 4 CPU ต่อเครื่อง และรองรับหน่วยความจำสูงสุด 48TB ต่อเครื่อง พร้อมเทคโนโลยี ASIC ที่ช่วยให้ Server เครื่องนี้สามารถทำงานร่วมกับ Server เครื่องอื่นๆ ได้อีก 8 เครื่อง รวมเป็น 32 CPU ต่อระบบ และ RAM สูงสุด 384TB เลยทีเดียว ซึ่งก็ถือว่าเหนือกว่า Server ปกติที่มักใส่ CPU ได้เพียงแค่ 2-4 CPU อย่างเห็นได้ชัด

Credit: HPE

หลายๆ คนอาจสงสัยว่า Server เครื่องใหญ่ขนาดนี้จะเอาไปทำอะไร ตัว HPE Superdome Flex มีเทคโนโลยี Hardware Partition หรือ HPE nPar เพื่อตัดแยกแบ่ง Hardware ในแต่ละเครื่องออกจากกัน และนำไปติดตั้งระบบปฏิบัติการได้หลากหลายตามต้องการ ไม่ว่าจะเป็น Microsoft Windows, VMware vSphere, SUSE และ Red Hat ทำให้ Hardware แต่ละชุดรองรับได้หลายระบบ โดยแต่ละระบบมีประสิทธิภาพในระดับ Native Computing ทั้งหมดในตัว

ทางด้านความทนทาน HPE Superdome Flex เองก็มีพร้อมกับเทคโนโลยีใหม่ๆ มากมาย ไม่ว่าจะเป็นความทนทานรับประกันที่ 99.999%, เทคโนโลยี Error Analysis Engine สำหรับวิเคราะห์ปัญหาที่อาจเกิดขึ้นกับ Hardware แต่ละส่วนได้ล่วงหน้า, เทคโนโลยี Fault Tolerant Cross Bar Fabric และ Memory RAS, เทคโนโลยี Firmware First ที่ทำการจัดการกับ Hardware Error ทั้งหมดที่ระดับของ Firmware ทั้งหมด ทำให้ความผิดพลาดในระดับ Hardware นั้นไม่ส่งผลต่อการทำงานของระบบปฏิบัติการ อีกทั้ง HPE เองก็ยังมีการพัฒนา HPE Serviceguard for Linux (SGLX) สำหรับการทำ High Availability และ Disaster Recovery Cluster เพื่อเพิ่มความทนทานให้กับระบบปฏิบัติการ Linux ให้สูงขึ้นไปอีกขั้นหนึ่งด้วย

Credit: HPE

ในปัจจุบันนี้ องค์กรที่มักเลือกใช้ HPE Superdome Flex Server นั้นก็มักจะเป็นธุรกิจที่มองหาระบบสำหรับทดแทน Mainframe หรือ Unix Server สมัยก่อนที่เคยใช้งาน, ระบบ In-memory Computing ขนาดใหญ่อย่าง SAP HANA หรือ Oracle Exadata, ระบบ Core Banking และ Mobile Banking ที่ต้องการพลังในการประมวลผลและเข้ารหัสข้อมูลที่สูง ไปจนถึงการใช้งานในระบบ High Performance Computing (HPC) ที่ต้องการใช้ทั้ง CPU และ RAM ปริมาณมหาศาล ซึ่งระบบต่างๆ เหล่านี้แม้จะมี Downtime เกิดขึ้นเพียงแค่ 1 นาที ความเสียหายที่จะเกิดขึ้นกับธุรกิจก็นับเป็นปริมาณมหาศาลแล้ว

ผู้ที่สนใจข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับ HPE Superdome Flex Server สามารถศึกษารายละเอียดได้ที่ https://www.hpe.com/us/en/product-catalog/servers/mission-critical-x86-servers/pip.hpe-superdome-flex-server.1010323140.html

ติดต่อทีมงาน Metro Connect ได้ทันที

ผู้ที่สนใจโซลูชันของ HPE สามารถติดต่อสอบถามข้อมูลเพิ่มเติม หรือขอทดสอบใช้งานระบบได้ทันทีที่ทีมงาน Metro Connect คุณโยธิน หงส์พันธุ์ (Mr.Yothin Hongphan) [email protected] 02-089-4343